POF มีทั้งหมดกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร ?

Last updated: 29 มี.ค. 2567  |  421 จำนวนผู้เข้าชม  | 

POF มีทั้งหมดกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร ?

          ฟิล์มหดจะมีอยู่สองประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ PVC และ POF คือแต่ละประเภทมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน บทความนี้จะเปรียบเทียบฟิล์มหด PVC และ POF เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกประเภทฟิล์มหดที่เหมาะสมกับความต้องการด้านการใช้งานได้ง่ายขึ้น

 

 ฟิล์มหด POF คืออะไร ? ใช้งานกับอะไรได้บ้าง ?

ฟิล์มหด POF คือ Polyolefin Shrink Film เป็นฟิล์มหดชนิดหนึ่งที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีโอเลฟิน ประกอบไปด้วย พอลิโพรพิลีน และ พอลิเอทิลีนที่พบได้ในการผลิตถุงพลาสติกทั่วไป มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันไฟฟ้า มาพร้อมกับรูปลักษณ์สีใส ที่ทั้งเหนียว ยืดหยุ่น กันน้ำ และทนความร้อนในขณะเดียวกัน มักจะนำมาใช้ ห่ออาหาร และเครื่องดื่ม, ห่อหนังสือ, ห่อเสื้อผ้า, ของใช้, ห่อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, ห่อสินค้าสำหรับขนส่ง เป็นต้น

 

ฟิล์มหด POF มีลักษณะที่สังเกตได้ง่ายอย่างไรบ้าง ?

ลักษณะที่โดดเด่นของ POF shrink film คือ จะมีลักษณะใสกว่า PVC อย่างเห็นได้ชัด มองเห็นสินค้าภายในได้ชัดเจน มีความเหนียว ทนทาน ไม่ขาดง่าย ยืดหยุ่นได้ดี และหดตัวแนบกับสินค้าเพราะเป็นเทคโนโลยีฟิล์มหดเป่าลมร้อน มีสัมผัสนุ่มลื่น ไม่กระด้าง ไม่มีกลิ่นเหม็น แต่ยับง่าย และมักจะหดตัวเมื่อโดนความร้อนที่สำคัญ POF สามารถย่อยสลายได้ จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

 

ประเภทของฟิล์มหด POF มีอะไรบ้าง ?

อย่างที่ทราบกันดีกว่า shrink film คือเทคโนโลยีในการห่อหุ้มสินค้าที่ยืดหยุ่นที่สุด แต่สำหรับ POF ยังสามารถไปไกลกว่านั้นได้อีกโดยแบ่งเทคโนโลยีการใช้งานทั้งหมดออกเป็น 4 ประเภทด้วยกันซึ่งได้แก่

  POF Shrink Regular

สำหรับ POF Shrink Regular คือ POF Shrink Film ชนิดทั่วไปที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีโอเลฟิน นิยมใช้สำหรับห่อหุ้มสินค้าเพื่อปกป้องผิวสัมผัสของผลิตภัณฑ์ โดยตัวฟิล์มจะไม่มีคุณสมบัติอะไรที่เด่นมาก มีความบาง ใส และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับการบรรจุสินค้าทั่วไป เช่น กล่องเครื่องสำอาง กล่องอาหารเสริม หนังสือ นมเปรี้ยว โยเกิร์ต เป็นต้น 

  POF Shrink Anti-fog

Anti-Fog POF คือ ฟิล์มหดชนิดพิเศษที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีโอเลฟิน ผ่านกรรมวิธีการเคลือบสาร Anti-fog เพิ่มเติมบนฟิล์ม ช่วยป้องกันปัญหาการเกิดฝ้าหรือไอน้ำบนผิวฟิล์ม เหมาะสำหรับใช้กับสินค้าประเภทอาหารสด ผักผลไม้ เนื้อสัตว์ อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง ยา อาหารทะเล 

  POF Shrink cross-linked

ฟิล์มหดประเภทนี้ เป็นเทคโนโลยีเดียวกับการผลิตถุง pe คือใช้เม็ดพลาสติกโพลีโอเลฟิน ผ่านกระบวนการ Cross-Linked เพิ่มเติม ช่วยให้ฟิล์มมีความแข็งแรง ทนทาน ยืดหยุ่นสูง ทนต่อแรงดึง แรงฉีกขาด และความร้อน เหมาะสำหรับใช้กับสินค้าที่มีน้ำหนักมาก รูปทรงพิเศษ หรือต้องการความแข็งแรงสูง เช่น เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม หนังสือ กล่องซีดี กล่องดีวีดี 

 POF High Performance

ประเภทสุดท้ายเป็นฟิล์มหดชนิดพิเศษที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีโอเลฟินเช่นกัน ผ่านกรรมวิธีการผลิตที่พิเศษ ช่วยให้ฟิล์มมีความเหนียว ยืดหยุ่นสูง ทนทานต่อแรงดึง แรงฉีกขาด ทนความร้อน กันน้ำ กันรอยขีดข่วน ป้องกันรังสียูวี เหมาะสำหรับใช้กับสินค้าที่มีความต้องการสูง ต้องการความทนทาน ปกป้องสินค้าจากแสงแดด และยืดอายุการเก็บรักษาสินค้า เช่น อาหารทะเล ยา อาหารแช่แข็ง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์กีฬา 

 

ระหว่างฟิล์มหด POF กับ PVC มีความแตกต่างกันอย่างไรบ้าง ?

ฟิล์มหด POF (Polyolefin Shrink Film) และ ฟิล์มหด PVC (Polyvinyl Chloride Shrink Film) เป็นฟิล์มหดที่ใช้กันทั่วไปในการแพ็กสินค้าอย่างที่ทราบกันดี เพื่อให้เห็นความแตกต่างในการใช้งานได้ชัดเจนมากขึ้น ทางเราจึงนำมาเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายขึ้นดังนี้

  ด้านวัสดุ 

  • POF ผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีโอเลฟิน ประกอบไปด้วย พอลิโพรพิลีน (PP) และ พอลิเอทิลีน (PE)

  • PVC ผลิตจากเม็ดพลาสติกโพลีไวนิลคลอไรด์

  ด้านคุณสมบัติ

  • POF ใส เหนียว ยืดหยุ่น กันน้ำ ทนความร้อน ทนรอยขีดข่วน ป้องกันรังสียูวี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

  • PVC ใส เหนียว ยืดหยุ่น กันน้ำ ทนความร้อน แต่ไม่ทนรอยขีดข่วน ไม่ป้องกันรังสียูวี  

  ด้านการใช้งาน

  • POF เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการความใส เหนียว ยืดหยุ่น ทนทาน ปกป้องสินค้าจากแสงแดด และยืดอายุการเก็บรักษา เช่น อาหารทะเล ยา อาหารแช่แข็ง ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์กีฬา

  • PVC เหมาะสำหรับสินค้าทั่วไป เน้นความใส เหนียว ยืดหยุ่น กันน้ำ ทนความร้อน 

  ความปลอดภัย

  • POF ปลอดภัย ไร้สารพิษ เหมาะกับการใช้กับอาหาร

  • PVC มีสารพิษ ปนเปื้อนโลหะหนัก ไม่เหมาะกับการใช้กับอาหาร 

  ด้านราคา

  • POF ราคาสูงกว่า PVC

  • PVC ราคาถูก

 

ข้อดีและข้อจำกัดของฟิล์ม POF มีอะไรบ้าง ? พิจารณาก่อนการตัดสินใจ

ถึงแม้ว่าฟิล์มหด POF จะมีข้อดีหลากหลายประการเมื่อเทียบกับฟิล์มหดประเภท PVC แต่ในด้านการใช้งานจริงแล้ว ยังคงมีข้อเสียที่ต้องนำมาพิจารณาก่อนการใช้งานเพิ่มเติมด้วย ซึ่งแบ่งเป็นข้อดีข้อเสียดังต่อไปนี้

  ข้อดีของฟิล์ม POF คือ 

  • ย่อยสลายได้

  • กันน้ำ กันความชื้น

  • ทนความร้อนปานกลาง

  • เหนียว ทนทาน ไม่ขาดง่าย

  • ยืดหยุ่นได้ดี หดตัวแนบกับสินค้า

  • มีความใสสูง มองเห็นสินค้าภายใน

  • ปลอดภัย ไร้สารพิษ เหมาะกับการใช้กับอาหาร

  • มีหลายคุณสมบัติให้เลือก เช่น POF Shrink Regular, POF Shrink Anti-fog, POF Shrink cross-linked, POF High Performance

  ข้อจำกัดของฟิล์ม POF คือ

  • ทนรอยขีดข่วนได้น้อย

  • มีราคาสูงกว่าฟิล์ม PVC

  • ทนความร้อนได้ไม่สูง ไม่ควรใช้กับสินค้าที่ร้อนจัด 


คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับฟิล์มหด POF


Q : มีฟิล์มชนิดอื่นที่สามารถใช้แทนฟิล์มหด POF ได้หรือไม่ ?

A : มีฟิล์มชนิดอื่นที่สามารถใช้แทนฟิล์มหด POF ได้ เช่น ฟิล์ม PVC ฟิล์ม PET มีคุณสมบัติที่ใกล้เคียง แต่ไม่ตอบโจทย์เท่า POF หากต้องการความใส ทนทาน เหนียวแน่น และไม่มีสารเคมี และ PET ยังมีราคาสูงกว่า POF

Q : ฟิล์มหด POF ทนความร้อนหรือไม่ ?

A : ฟิล์มหด POF กันน้ำ สามารถป้องกันสินค้าจากน้ำและความชื้นได้ เนื่องจากมีหลายแบบ แต่ละแบบมีความกันน้ำแตกต่างกัน ถึงแม้ว่าอาจไม่สามารถกันน้ำได้ 100% ขึ้นอยู่กับแรงดันน้ำ แต่ก็สามารถเสื่อมสภาพได้เมื่อสัมผัสกับน้ำเป็นเวลานาน

 

สรุป POF คือทางเลือกสำหรับการปกป้องผิวสัมผัสของผลิตภัณฑ์

จากบทความข้างต้นสรุปแล้ว POF คืออะไร ? เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกด้านเทคโนโลยีใหม่ที่น่าสนใจ สำหรับการห่อหุ้มสินค้าที่ต้องการความใส เหนียว ยืดหยุ่น กันน้ำ ทนความร้อน ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพราะว่าสามารถย่อยสลายได้ หากคุณเป็นผู้ประกอบการและต้องการบริการ รับซีลสินค้า หรือ รับบรรจุสินค้า แล้วละก็ ทาง Propack Asia ก็พร้อมให้คำปรึกษาพร้อมข้อเสนอที่ถูกใจแน่นอน ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับบริการได้ที่โทร 082-964-5665  หรือจะไลน์มาที่ @propack-asia การันตีคุณภาพและความเป็นมืออาชีพด้านการแพ็คสินค้า

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้