ความสำคัญของบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ที่ดีเป็นอย่างไร ?

Last updated: 25 ม.ค. 2567  |  399 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ความสำคัญของบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ที่ดีเป็นอย่างไร ?

ในวงการตลาดไม่ว่าสินค้าชนิดใดหากมีบรรจุภัณฑ์ ดูดี สะดุดตา จะช่วยให้สินค้าเป็นที่สนใจได้ง่าย และที่สำคัญวัสดุบรรจุภัณฑ์จะต้องมีคุณสมบัติที่ดีครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความแข็งแรง ทนทาน สวย โดดเด่น และจบลงที่ทำให้การขนส่งได้สะดวก ลดความเสียหาย เพียงแค่นี้ก็สามารถเพิ่มกลยุทธ์ทางการตลาดได้ทันที ส่วนความหมาย และบรรจุภัณฑ์มีกี่ประเภท ? อะไรบ้าง ? เป็นสิ่งที่เจ้าของกิจการต้องรู้ตามไปดูกัน

บรรจุภัณฑ์ มีกี่ประเภท ? 

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับคำว่า “บรรจุภัณฑ์” กันก่อน ซึ่งหมายถึงวัสดุที่ถูกผลิตขึ้นมาเป็นกล่องบรรจุภัณฑ์เพื่อนำไปใช้เพื่อห่อหุ้มสินค้าชนิดต่าง ๆ เพื่อคงคุณภาพของสินค้า และป้องกันสินค้าไม่ให้เกิดความเสียหายทั้งสิ่งปนเปื้อน และเพิ่มคุณภาพในการขนส่ง นอกจากนั้นยังเพิ่มความสวยงามส่งเสริมการตลาดให้สินค้าน่าสนใจ ตลอดไปถึงอำนวยความสะดวก และป้องกันความเสียหายจากการจัดเก็บ เพื่อไม่ให้เสียเวลามาเช็กข้อมูลกันว่า บรรจุภัณฑ์ มีกี่ประเภทกันแน่ 

  บรรจุภัณฑ์ชั้นใน

บรรจุภัณฑ์ที่ทำหน้าที่ในการห่อหุ้มบรรจุภัณฑ์ชั้นในไม่ให้ได้รับแรงกระแทกจากภายนอก วัตถุประสงค์ คือ ช่วยป้องกันรักษาผลิตภัณฑ์ให้ปลอดภัยจาก ความชื้น, ความร้อน, แรงกระแทก และช่วยอำนวยความสะดวกแก่การขายปลีก เช่น กล่องกระดาษลูกฟูก หรือกล่องกระดาษแข็งที่บรรจุสินค้าจำนวน 6 หน่วย หรือ 12 หน่วย

  บรรจุภัณฑ์ชั้นนอก 

บรรจุภัณฑ์ที่เป็นหน่วยรวมขนาดใหญ่ ทำหน้าที่ป้องกันหรือบรรจุผลิตภัณฑ์เพื่อการขนถ่ายสินค้ ซึ่งผู้บริโภคจะไม่ค่อยได้สัมผัสหรือเกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์ประเภทนี้โดยตรง เช่น หีบ ไม้ ลัง กล่องกระดาษลูกฟูก หรือกล่องกระดาษแข็งขนาดใหญ่ที่บรรจุสินค้าไว้ภายใน มีรายละเอียดภายนอกที่บ่งบอกเพียงข้อมูลที่จำเป็นต่อการขนส่งเท่านั้น

  บรรจุภัณฑ์เฉพาะหน่วย 

เป็นแพคเกจจิ้งที่อยู่ใกล้ชิดกับสินค้ามากที่สุด เพื่อเพิ่มคุณค่าเชิงพานิชย์ ให้สินค้าคงรูป รวมถึงเพื่อป้องกันผลิตภัณฑ์จากความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยตรง เช่น กล่องใส่สบู่, กระดาษห่อช็อกโกแลต, ซองขนมต่าง ๆ ฯลฯ 

บรรจุภัณฑ์สำคัญอย่างไร ?

ภาพรวมของบรรจุภัณฑ์มีความสำคัญต่อการตลาดสูงมาก ซึ่งนอกเหนือจากทำความรู้จักกับความหมายว่า บรรจุภัณฑ์ คืออะไรแล้ว ยังต้องรู้ความสำคัญของแพคเกจจิ้งด้วยว่ามีความสำคัญอย่างไร เพราะจะช่วยให้การออกแบบ และเลือกใช้บริการโรงงานรับบรรจุสินค้าได้อย่างถูกต้อง มีผลดีมากกว่าเสียต่อกลไกในตลาดโดยตรง ที่สำคัญต้องเลือกบริษัทมืออาชีพเพราะจะสามารถผลิตกล่องบรรจุภัณฑ์ ราคาถูก และให้คำแนะนำต่าง ๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ได้ดี ส่วนความสำคัญของบรรจุภัณฑ์หลัก ๆ มีดังนี้

  มีผลดีต่อการตลาด

เพราะมีรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับสินค้าบนกล่อง ขวด และแพคเกจจิ้งจะเป็นตัวสื่อถึงสินค้ารวมถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้เป็นที่จดจำต่อลูกค้า ด้วยสติ๊กเกอร์ และฉลาก รวมถึงการออกแบบให้ดูสวยงามสอดคล้องกับผลิตภัณฑ์

  ลดค่าใช้จ่ายและลดความเสียหายในส่วนของขนส่ง

อย่าลืมว่าสินค้าในปัจจุบันมีการกระจายไปทั่วประเทศหรือมีการส่งออกไปต่างประเทศบ่อย ๆ ดังนั้นแพคเกจจิ้งจึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะนอกจากจะช่วยให้จัดการขนส่งได้ดีแล้ว ยังช่วยลดปัญหาสินค้าเสียหายในระหว่างการจัดเก็บ ตลอดไปจนถึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายการขนส่งได้ 

 

วัสดุของบรรจุภัณฑ์ มีอะไรบ้าง ? 

ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ที่มีทั้งมีหลายประเภท โดยจะแบ่งออกตามวัสดุที่นำมาใช้ผลิตเป็นแพคเกจจิ้ง ซึ่งแต่ละประเภทจะมีความสวยงาม คงทน และเหมาะกับการใช้งานแตกต่างกันออกไป ซึ่งนิยมใช้กัน 5 ประเภท ส่วนจะมีบรรจุภัณฑ์ มีอะไรบ้าง ? มาดูกันได้เลย

 

  บรรจุภัณฑ์โลหะ

วัสดุชนิดนี้ได้ชื่อว่าบรรจุภัณฑ์ที่มีความแข็งแรงมากที่สุด และยังมีผลดีต่อความคงทนของสินค้า ทำให้มีอายุยาวนานเพราะกันป้องกันความร้อนได้ดี ป้องกันรั้วซึมจากการกระแทกได้ นอกจากนั้นยังสามารถนำไปหลอมแปรรูปมาใช้ใหม่ได้ด้วย ยกตัวอย่างสินค้าที่ใช้บรรจุภัณฑ์สินค้าโลหะเป็นแพคเกจจิ้งดังนี้ น้ำอัดลม เบียร์ อาหารกระป๋อง สเปรย์ต่าง ๆ วิปครีม ฯลฯ  

 

  บรรจุภัณฑ์พลาสติก

วัสดุชนิดนี้ก็มีข้อดี เนื่องจากบรรจุภัณฑ์พลาสติกมีน้ำหนักเบา ราคาถูก ลดต้นทุนได้ดี มีความยืดหยุ่น ไม่นำความร้อนและกระแสไฟฟ้า ไม่เป็นสนิม อีกทั้งยังสามารถพิมพ์ลายต่าง ๆ ได้ ยกตัวอย่างสินค้าที่ใช้พลาสติกเป็นแพคเกจจิ้งคือ น้ำดื่ม เครื่องปรุงรส เวชภัณฑ์ต่าง ๆ ฯลฯ ซึ่งสามารถเลือกบริษัทมีประสบการณ์ในการผลิตแพคเกจจิ้งพลาสติกรวมถึง รับบรรจุอาหารเสริม ได้อีกด้วย

 

  บรรจุภัณฑ์แก้ว

ต่อกันด้วยแพคเกจจิ้งเพื่อเพิ่มความสวยงาม และความหรูหราสินค้ามากขึ้น นอกจากนั้นเป็นวัสดุที่มีความทนทานต่อความร้อน และความเย็น การขึ้นรูปสามารถเพิ่มสีสัน ลวดลายต่าง ๆ ได้ตามความต้องการของแบรนด์ได้เลย เพียงแค่ข้อเสียคือจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับการขนส่งเท่าไหร่นัก เพราะมีโอกาสเสียหายได้ง่าย ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ใช้แก้วเป็นแพคเกจจิ้งคือ บรรจุภัณฑ์เครื่องสำอาง สำหรับบริษัทรับบรรจุครีมเครื่องดื่มชูกำลัง เบียร์ เหล้า ยาและเวชภัณฑ์ ฯลฯ 

 

  บรรจุภัณฑ์กระดาษ

สำหรับกล่องบรรจุภัณฑ์กระดาษจะทำมาจากเยื่อกระดาษชนิดต่าง ๆ โดยแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติต่างกันออกไป หลัก ๆ แล้วจะย่อยสลายได้ ไม่ค่อยเป็นพิษเป็นภัยกับสิ่งแวดล้อม เช่น แก้วกระดาษใส่กาแฟ หรือน้ำดื่ม, ถุงกระดาษใส่ของ, กระดาษห่อขนมหรืออาหาร, ถ้วยกระดาษ กล่องพิซซ่า ฯลฯ 

 

  บรรจุภัณฑ์ไม้

ปิดท้ายกันด้วยแพคเกจจิ้งนิยมใช้เหมือนกันคือไม้ โดยนิยมทำจากไม้ยางพารา ไม้สน รวมถึงไม้อัด ซึ่งสามารถนำมาแปลงร่างเป็นบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ ได้หลากหลายรูปแบบ  นั่นก็คือ กล่องข้าว หีบใส่ของ ถ้วยไม้ แก้วน้ำ ฯลฯ  

 

บรรจุภัณฑ์มีประโยชน์อย่างไรบ้าง ?

ความสำคัญของบรรจุภัณฑ์แต่ละชนิดมีเรื่องดี ๆ ต้องรู้มากมาย โดยหลัก ๆ มีดังนี้

  ประโยชน์ของบรรจุภัณฑ์ (wait on page) มีหน้าที่ปกป้องและป้องกันไม่ให้สินค้าเกิดการเสียหาย หรือเสียหายน้อยที่สุด
  ทำหน้าที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็น สินค้าคืออะไร ประกอบได้อะไร วันเดือนปีผลิต-หมดอายุ มาตรฐานสินค้า เช่น เลขอย.และ GMP ฯลฯ  
  ดึงดูดความสนใจลูกค้า ตลอดไปจนถึงความน่าเชื่อถือในการเลือกซื้อของลูกค้าในเวลาสั้น ๆ แพคเกจจิ้งสำหรับช่วงเทศกาล จะทำให้ลูกค้าสนใจสินค้ามากขึ้น อย่างเช่น แพ็คเก็จช่วงปีใหม่ วาเลนไทน์ หรือเทศกาลสงกรานต์จะมีแพ็คเก็จและโปรโมชันแบบ Limited Editon ออกมา
  เพิ่มมูลค่าและกำไรทางการตลาดโดยไม่ต้องทำการตลาดหลายช่องทาง เนื่องจากตัวแพคเกจจิ้งจะทำหน้าที่ขายสินค้าในตัวเองแล้ว

 

วิธีเลือกบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสมกับสินค้า และธุรกิจ 

  1. ออกแบบแพคเกจจิ้งให้สื่อถึงสินค้าได้ง่ายและสะดุดตาลูกค้ามากที่สุด
  2. เลือกใช้ประเภทของบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะกับสินค้าที่ต้องการขาย เช่น กล่องกระดาษควรเป็นแพคเกจจิ้งของขนมหรือพิซซ่า มากกว่าเครื่องสำอางหรือเวชภัณฑ์ เป็นต้น
  3. ราคาต้นทุนเช่น กล่องจากบริษัท รับพับกล่อง หรือวัสดุทำแพคเกจจิ้งแพงจนทำให้กำหนดราคาขายสูงมากเกินไป
  4. ใช้บริการบริษัทที่รับออกแบบ และบรรจุ เช่น บรรจุครีม แพ็คของ มืออาชีพ เพื่อความรวดเร็ว และได้งานตรงตามที่ต้องการ

 

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ 

Q : สินค้าประเภทอาหารเสริมควรใช้แพคเกจจิ้งแบบไหนให้สะดุด มีมูลค่ามากขึ้น ? 

A : สำหรับบรรจุภัณฑ์อาหารเสริม ควรเลือกใช้พลาสติกเป็นแพคเกจจิ้งแบบซองหรือขวดบรรจุเพื่อแยกชิ้น จากน้ันจึงใส่กล่องอีกชั้นให้ดูดีมากขึ้น สะดุดตาผู้บริโภค  มีสติ๊กเกอร์บ่งบอกถึงชื่อแบรนด์ที่สื่อเข้าใจได้ง่าย

Q : การขนส่งในการส่งสินค้าแตกหักง่าย ควรรับมือย่างไร ?

A : หากเป็นสินค้าที่แตกหักง่าย เช่น ขวดแก้ว ขวดพลาสติก ควรแพคสินค้าให้อยู่ในกล่องที่ป้องกันโอกาสเกิดความเสียหายได้ง่าย เช่น การแพ็คใส่กล่องมีความหนา หรือลังลูกฟูกป้องกันการกระแทก รวมถึงภายในลังจะต้องมีล็อกป้องกันการการกระแทกเอาไว้ 

 

          สรุปแล้วบรรจุภัณฑ์สวย หรูหรา เพิ่มกลยุทธ์การตลาดได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นบรรจุภัณฑ์แบบไหนตามมีความสำคัญต่อการเพิ่มฐานลูกค้าอย่างมาก เนื่องจากช่วยดึงความสนใจให้ผู้บริโภคหันมาสนใจสินค้าง่ายขึ้น ดังนั้นหากใครยังไม่มีไอเดียออกแบบแพคเกจจิ้งสามารถปรึกษา และใช้บริการผลิตภัณฑ์ของ “Propack Asia” ได้ เนื่องจากเราคือผู้เชี่ยวชาญด้านการแพ็คสินค้า และบรรจุสินค้าแบบครบวงจรตามมาตรฐานสากล จึงทำให้มีตัวอย่างบรรจุภัณฑ์ให้เลือกมากมาย และยังรับรับสกรีนบรรจุภัณฑ์  รวมถึงออกแบบ แพคเกจจิ้งถูกใจตามความต้องการของลูกค้าและตลาดแน่นอน 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้